บริการติดตั้งตู้ CAPACITOR BANK

โดยทีมงานที่มีประสบการณ์ ผลงานคุณภาพ ราคามาตรฐาน

ยินดีให้บริการ ติดต่อสอบถามได้ที่ 02 115 2033

Reliable Electrical Work
งานไฟฟ้า “ วางใจเรา “

Capacitor Bank ก็คือตัวเก็บประจุไฟฟ้า (Capacitor)

ขนาดใหญ่จำนวนหลายชุด ที่ใส่ขนานเข้ามาในระบบไฟฟ้าเพื่อทำหน้าที่ ปรับค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ (PF.) ของระบบให้มีค่าสูงขึ้นเพื่อที่จะไม่ต้องเสียค่าปรับและลดกำลังงานสูญเสียในระบบ ส่วนประกอบภายใน Capacitor Bank ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์ควบคุมค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ (PF. Controller) ตัวเก็บประจุไฟฟ้า (Capacitor) และอุปกรณ์ตัดต่อตัวเก็บประจุไฟฟ้า (Magnetic Contractor) โดยจำนวนหรือขนาดของคาปาซิเตอร์ที่ต้องการต่อเข้ากับระบบไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับค่ากำลังงานรีแอคทีฟที่เกิดขึ้นในระบบในขณะนั้น โดย PF. Controller จะทำการตรวจวัดค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ (PF.) ของระบบและจะสั่งการให้ Magnetic Contractor ต่อหรือปลดคาปาซิเตอร์จากระบบเพื่อให้ได้ค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ (PF.) ตามต้องการ

เมื่อระบบไฟฟ้ามีค่า Power Factor (P.F) ต่ำ จะส่งผลให้ความสามารถในการจ่ายไฟฟ้า (capacity) ของหม้อแปลงลดลง และถ้าความสามารถในการจ่ายไฟฟ้าให้กับโหลดของหม้อแปลงใกล้เต็มแล้ว ก็จะทำให้ไม่สามารถ จ่ายไฟฟ้าให้กับโหลดไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นได้ แม้ว่ากำลังไฟฟ้า (kW) ที่ใช้อยู่จะยัง ไม่เต็มก็ตาม นอกจากนี้ในกรณีที่ผู้ใช้ไฟฟ้าใช้สายไฟยาวมาก ก็จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าไหลในสายไฟมีค่าสูงขึ้นและความร้อนในสายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดค่าสูญเสีย (losses) ตามขนาดของกระแสยกกำลังสอง และที่สำคัญผู้ใช้ไฟฟ้า จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มให้กับการไฟฟ้า คือค่า reactive power (kVAR charge) ในส่วนที่ต่ำกว่ามาตรฐาน 0.85 อีกด้วยดังนั้นเพื่อควบคุมค่า P.F. ในโรงงานไม่ให้ต่ำกว่า 0.85 จึงต้องมีการติดตั้ง Capacitor Bank เพิ่มเข้าไปในระบบไฟฟ้า โดยทั่วไปแล้วการไฟฟ้าจะกำหนด ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าติดตั้ง Capacitor Bank มีขนาดไม่น้อยกว่า หรือ เท่ากับ 30% ของขนาดหม้อแปลงไฟฟ้า และต้องสัมพันธ์กับลักษณะโหลดทางไฟฟ้าที่ใช้อยู่ คือ – ถ้าเป็น Inductive Load เช่น induction motor ขนาดของ Capacitor Bank อาจจะต้องเพิ่มขึ้น – ถ้าเป็น Resistive Load เช่น เครื่องทำความร้อน ขนาดของ Capacitor Bank อาจจะต้องลดลง

ข้อดีของ Capacitor Bank ต่อระบบไฟฟ้า

  • ช่วยลดค่าปรับจากการไฟฟ้าเนื่องจากค่า Power Factor ต่ำกว่า 0.85 กรณีที่ระบบไฟฟ้าของผู้ใช้มีค่า P.F. ต่ำ การไฟฟ้าจะต้องรับภาระในการจ่าย reactive power เป็นจำนวนมาก ต้องใช้เครื่องกำเนิด ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมทั้งทรัพยากรที่มากขึ้นเพื่อที่จะสามารถผลิต กำลังไฟฟ้าทั้งใน ส่วน Active และ Reactive Power ตามความต้องการของผู้ใช้ แต่ที่จริงแล้ว reactive power ผู้ใช้สามารถสร้างเองได้โดยใช้ capacitor ดังนั้นการไฟฟ้าจึงออกกฎเพื่อควบคุมค่า P.F. ของโรงงานต่าง ๆ โดยกำหนดว่า “ หากโรงงานใดมีค่า P.F. ที่ต่ำกว่า 8.5 จะต้องเสียค่าปรับ Power Factor ”
  • ช่วยลดโหลดของหม้อแปลง เมื่อผู้ใช้ไฟฟ้ามีเพิ่มปริมาณโหลดขึ้นเรื่อย ๆ กับหม้อแปลงตัวเดิมจะส่งผลให้หม้อแปลงต้องจ่ายกระแสเกินพิกัด (Overload) ทางแก้ไขวิธีหนึ่งคือ ติดตั้งหม้อแปลงเพิ่มขึ้น แต่การติดตั้ง Capacitor Bank ก็สามารถช่วยลดโหลดของหม้อแปลงนั้นได้ คือ จากเดิมหม้อแปลงต้องรับภาระจ่ายค่า Reactive Power เองทั้งหมด ถ้ามีการติดตั้ง Capacitor Bank ก็จะช่วยรับภาระในส่วนนี้แทน ทำให้หม้อแปลงตัวนั้นมีกำลังเหลือเฟือเพื่อที่จะจ่ายให้กับโหลดส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติมได้
  • ช่วยลดค่าไฟฟ้าที่สูญเสียไปในรูปของความร้อนในสายไฟและหม้อแปลง การติดตั้ง Capacitor Bank จะช่วยลดกำลังสูญเสียในสายไฟและหม้อแปลงไฟฟ้า จึงเป็นการประหยัดพลังงาน อีกทั้ง ยังลดความร้อนที่เกิดขึ้นในอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ แต่ทว่าในประเทศไทยนิยม ติดตั้งตู้ Capacitor Bank ติดกับตู้ MDB หรือก็คือใกล้กับหม้อแปลงมาก จึงทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ในการช่วยลดประมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลในระบบไฟฟ้าได้อย่างชัดเจน

ทำไมต้องมี ตู้แคปแบงค์ capacitor bank

โดยส่วนมากอาคารหรือโรงงานที่มีการใช้โหลดที่เป็น inductive load มากๆ เช่น induction motor ในเครื่องจักร ปั้มน้ำ ชิลเลอร์ หรือคอนเวย์เยอร์ จะมีผลทำให้ค่า power factor ต่ำกว่ามาตรฐาน คือ 0.85 ผลเสียที่เกิดขึ้นคือ ประสิทธิภาพในการจ่ายโหลดจะลดน้อยลง เกิดกระเเสสูงในสาย และเกิดความร้อนในสายไฟ และทำให้เกิดความสูญเสียพลังงานไปในรูปแบบของความร้อน เรายังต้องจ่ายค่าปรับpfให้กับการไฟฟ้าเพื่อใช้ในการปรับปรุงค่า reactive powerจึงมีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขคุณภาพไฟฟ้าโดยการติดตั้ง capacitor bankที่ควบคุมการทำงานโดย capacitor controller ซึ่งจะควบคุมการสตาร์ท คาปาซิเตอร์ ตามความเหมาะสมเป็นสเต็ป และการเลือกคาปาซิเตอร์ จะต้องมีค่าไม่น้อยกว่า 30% ของขนาดหม้อแปลงตามมาตรฐานที่การไฟฟ้ากำหนด

ข้อดีที่จะเกิดขึ้นเมื่อติดตั้ง capacitor bank อย่างเหมาะสมคือ

  • ปรับปรุงค่าpfให้มีค่าไกล้เคียงมาตรฐาน
  • แก้ปัญหาฮาโมนิกที่เกิดขึ้น
  • ลดปัญหาไฟตก ไฟกระเพื่อม ที่เกิดขึ้นในระบบ